บ่าวสาวคู่แรกของ The Ritz-Carlton, Bangkok มาพร้อมความเชื่อมั่นในแบรนด์ระดับ Ultra-Luxury
พวกเรามีบุคลิกที่ตรงข้ามกันมาก โบว์เป็น Extrovert ชอบความรื่นเริง ส่วนคุณเอกเป็น Introvert ชอบความเรียบง่าย ดังนั้น โจทย์ที่ยากที่สุดคือการหาความพอดีให้กับงานนี้ ซึ่งในตอนนั้นพวกเราได้ฤกษ์แต่งงานมาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงต้องเริ่มคุยกันเพื่อหาตรงกลาง โดยคำนึงถึงความสบายใจของอีกฝ่ายด้วย เมื่อมีภาพงานแต่งงานที่ชัดเจนแล้ว พวกเราก็ค้นหาสถานที่ที่จะสามารถไว้วางใจได้ในทุก ๆ เรื่องค่ะ
The Ritz-Carlton, Bangkok (โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ) เป็นหนึ่งในเครือโรงแรมที่พวกเราเคยใช้บริการที่ต่างประเทศ แล้วมีภาพจำความประทับใจเรื่องการบริการอย่าง Professional ที่มีความเป๊ะรอบด้าน รวมไปถึงเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่รู้สไตล์การทำงานของทีมงานโรงแรมเป็นอย่างดี ได้รีวิวไว้ว่า ทีมนี้ทำงานแบบถึงไหนถึงกัน ทำให้พวกเรายิ่งมั่นใจ พร้อมปักธงเลือกที่นี่อย่างไม่ลังเล
ความโชคดีคือ ฤกษ์ที่เราได้ในวันที่ 5 มกราคม 2568 ตรงกับช่วงที่ The Ritz-Carlton, Bangkok เพิ่งเปิดบริการให้กับคู่รักชาวไทยเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้น พวกเราถือเป็นคู่แต่งงานแรกของที่นี่ เปรียบเหมือนการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิตคู่อีกด้วยค่ะ
งานแต่งที่สะท้อนตัวตนและธุรกิจของบ่าวสาว ผ่านคอนเซ็ปต์สุขภาพในรูปแบบไทย-โมเดิร์น
จากที่พวกเราหาตรงกลางให้กับการจัดงานแต่ง พวกเราเห็นพ้องกันว่า อยากให้งานสื่อความเป็นตัวตนของเราทั้งคู่ ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีความอบอุ่นและเรียบง่าย ในแบบที่พวกเรารู้สึก Comfortable จึงหยิบเอาธุรกิจของพวกเราแบรนด์ “KUNNA (คันนา)” ซึ่งเป็น Healthy Snack มาใส่ไว้ตามองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในงาน
ตั้งแต่การเลือกใช้ธีมสีเหลือง–ฟ้า ไปจนถึงองค์ประกอบการตกแต่ง ทั้งต้นไม้ ผลไม้ และของประดับที่เป็นมรดกไทย ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบไทย–โมเดิร์นได้อย่างกลมกลืน ยกตัวอย่างบริเวณเวที ออกแบบในสไตล์ Tropical โดยนำต้นกล้วย ต้นมะพร้าวและดอกไม้ในบ้านเรา มาประยุกต์ให้เข้ากับงานมงคลสมัยใหม่ค่ะ
แขกทุกคนจะทราบกันดีว่าพวกเราอินในสินค้าที่ตั้งใจทำ ในงานจึงจัดออกมาคล้ายกับ Mini-flagship Store มีซุ้มโชว์สินค้า Photobooth ในรูปแบบม็อคอัพกล่องขนม ลิงก์ไปกับของชำร่วยที่เป็นดูโอ้ทองม้วน Limited Edition สองรสชาติผสมกัน ซึ่งโบว์คิดค้นขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยฝั่งหนึ่งมีสโลแกน I love you berry much เป็นรสมิกซ์เบอร์รี่โยเกิร์ต อีกฝั่งมีสโลแกน You are honey to my lemon เป็นรสน้ำผึ้งมะนาว เปรียบเหมือนเธอกับฉันที่แตกต่างกันคนละขั้ว แต่สามารถมาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว
โบว์มีภาพคอนเซ็ปต์ในใจค่อนข้างชัดเจน จึงตั้งใจให้เค้กแต่งงานดูเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องสูงเพื่อดึงดูดสายตา เชฟของโรงแรมได้รังสรรค์ออกมาเป็นเค้กข้าวเหนียวมะม่วงในสไตล์โมเดิร์น โดยผ่านการคิดและ Process มาอย่างดี เพื่อให้ได้เค้กที่หน้าตาสวยงามและมีรสชาติอร่อยมาก จนแขกชมกันมาไม่ขาดสาย ต้องขอยกเครดิตให้กับเชฟและโรงแรมเลยค่ะ
ทางด้านอาหารในงานก็มีความหลากหลายและเข้าถึงทุกคน โดย 80% เป็นอาหารไทยรสกลมกล่อมที่โบว์ชิมเองทุกจาน รวมถึงอาหารฟิวชั่นทั้งยุโรปและญี่ปุ่น ในขณะที่อีก 20% เป็นเมนู Plant-based เพราะอยากนำเสนอในมุมของอาหารสุขภาพที่โบว์รับประทาน และสะท้อนไปถึงแนวคิดของแบรนด์ที่พวกเราทำ ก็เลยมีโซน Plant-based Corner อย่างเมนูกะเพราแพลนต์เบส ที่ได้รับคำชมจากแขกด้วยค่ะ
สุดซาบซึ้งในงานฉลองสมรสพระราชทาน พร้อมร้องเพลงกับศิลปินดัง เปลี่ยนบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง
เปิดตัวด้วยการถ่ายรูปกับเพื่อนบ่าวสาวที่บริเวณ Balcony ได้ภาพที่เห็นวิวเมือง บรรยากาศสบาย ๆ ให้พวกเราได้เริ่มงานด้วยความรู้สึก Comfortable คลายความตื่นเต้นไปได้เยอะเลยค่ะ จากนั้นย้ายไปยังบริเวณ Backdrop ก่อนที่จะเข้าสู่ในช่วงพิธีการที่จัดขึ้นที่ห้อง The Ritz-Carlton Grand Ballroom ถึงแม้มีแขกมาร่วมงานประมาณ 500-600 คน แต่สถานที่ก็สามารถรองรับแขกได้เหมาะสม มีความไพรเวท สะดวกสบายมากค่ะ
พิธีกรหรือพี่แหวนแหวนได้กล่าวต้อนรับเข้าสู่งานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทาน ภายในห้องเปิด VDO งานหมั้นที่จัดขึ้นไปก่อนหน้านั้น เมื่อ VDO จบลง พวกเราก็เดินผ่านซุ้มเพื่อน ๆ ที่โปรยดอกไม้ระหว่างทาง เข้าสู่ในงานพิธี โดยมีเด็ก ๆ หลากหลายสัญชาติ เดินนำขบวนเข้ามา เป็นบรรยากาศที่เจ้าบ่าวของเราชื่นชอบมาก เพราะภาพของเด็ก ๆ มีความน่ารัก เป็นธรรมชาติ ทำให้บรรยากาศในงานดูอบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น
เนื่องจากเราได้รับสมรสพระราชทานตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมปีที่แล้ว ทุกความรู้สึกยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในพิธีเลี้ยงฉลอง เราทั้งคู่ได้ขึ้นกล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของกรมสมเด็จพระเทพฯ ทุกถ้อยคำที่กล่าวล้วนมีความหมายและเรารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างแท้จริง เป็นโมเมนต์ที่โบว์ตั้งใจมาก และประทับใจมากที่สุด เพราะถือเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตคู่ของพวกเราแล้วค่ะ
ประธานกล่าวเปิดงาน จากนั้นพวกเราก็กล่าวขอบคุณแขกจากหลากหลายประเทศที่มาร่วมงาน รวมทั้งหมด 5 ภาษา ได้แก่ ไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลี แล้วตัดเค้กแต่งงานเพื่อมอบให้ประธานพิธี คุณพ่อคุณแม่และญาติผู้ใหญ่ บรรยากาศนั้นดูเรียบง่ายกว่าที่คิดไว้ เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จากแขกทุกคนที่ตั้งใจมาส่งความรัก ความปรารถนาดีที่ให้กับพวกเรา
ก่อนจบพิธีการมีการโยนช่อดอกไม้เจ้าสาว ซึ่งใช้ดอกไม้สีฟ้าและสีเหลืองของไทยทั้งหมด ผู้โชคดีที่ได้ช่อดอกไม้จากเจ้าสาว จะได้รับ Gift Voucher ของแบรนด์ KUNNA มูลค่า 30,000 บาท เพื่อนที่ได้รางวัลดีใจยกใหญ่เลยค่ะ
ในงานเลี้ยงฉลอง เราได้เชิญคุณโต๋กับคุณลิเดีย มาเล่นเปียโนและร้องเพลง ตอนที่คุณโต๋ยื่นไมค์มาให้เจ้าสาวนั้น ดีใจมาก เราเลยใส่ฟีลลิ่งและเนื้อร้องเข้าไปเอง เรียกเสียงปรบมือของแขกในงานอย่างคับคั่ง และพวกเรายังได้โซโล่ร้องเพลงตามสไตล์ของตัวเอง ส่วนตัวโบว์ชอบร้องเพลงและขยับตัวเต้น ช่วงงานเลี้ยงฉลองก็จะมีความเป็นตัวตนของเราค่อนข้างเยอะค่ะ (หัวเราะ)
จัดการงานแต่งในแบบมาตรฐานของ The Ritz-Carlton, Bangkok
แม้คืนก่อนวันงานทุกอย่างจะดูเป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ด้วยมาตรฐานระดับ The Ritz-Carlton ที่มุ่งมั่นให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อเราแอบกังวลว่าโต๊ะอาจวางจานไม่พอ และแขกจะไม่มีพื้นที่ยืนพัก ทีมงานของโรงแรมโดยเฉพาะ Director MD ก็เร่งเปลี่ยนโต๊ะ ปรับรูปแบบการจัดวางใหม่ทั้งหมดทันที โดยไม่ให้งบประมาณมาเป็นอุปสรรค เพื่อให้แขกของเรารู้สึกสะดวกสบายที่สุด นี่คือมาตรฐานที่ทำให้เราไว้วางใจค่ะ
เรารู้สึกว่าโรงแรมมีความใส่ใจในทุก ๆ ด้าน เซลล์คุยกับเราเยอะมากแทบจะตลอดเวลา ติดต่อง่ายและตอบกลับอย่างรวดเร็ว แม้พวกเราจะเป็นคู่แรกของโรงแรม แต่ทีมงานของโรงแรมก็สามารถทำทุกอย่างได้อย่างเป็นมืออาชีพเลยค่ะ
คำแนะนำสำหรับบ่าวสาว
ไม่ควรเลือกฤกษ์ที่ตรงกับช่วงวันหยุดเทศกาล เพราะคนที่จะมาร่วมงานอาจหยุดยาวกัน หรือไม่สะดวกในการมางานแต่ง
เลือกใช้เวดดิ้งแพลนเนอร์มืออาชีพ มีส่วนช่วยในการตัดสินใจ และเข้าใจในสถานการณ์ที่เราอาจเจอ พอรู้และเข้าใจล่วงหน้าก็จะช่วยให้เราคลายกังวลไปได้เยอะ
ถ้ามีข้อจำกัดเรื่องเวลา ให้พยายามวางแผนล่วงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ และต้องเชื่อมั่นในทีมงานที่เราเลือก ถ้าเรามีเวดดิ้งแพลนเนอร์ที่ดี มีโรงแรมมืออาชีพ ที่เหลือก็แค่ทำตัวเองให้ดูดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ
อย่าลืมดูแลสุขภาพ ประมาณหนึ่งเดือนกว่าก่อนวันแต่งงาน โบว์ตั้งใจดูแลสุขภาพอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่รับประทานอาหารสุขภาพ ไม่รับประทานอาหารหลัง 17.00 น. ออกกำลังกายเต็มที่ พร้อมทั้งพักผ่อนให้เพียงพอทุกวัน
ปล่อยจอยแล้วมีความสุขไปกับโมเมนต์นั้น โบว์รู้สึกว่างานแต่งของเราคืองานที่แสดงความเป็นตัวเองให้กับคนที่เรารัก ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้แชร์ช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องกังวลมากไป สุดท้ายทุกคนก็ตั้งใจมาส่งพลังบวกให้กันค่ะ
Photographer : Great_est, Bluezuriphoto, Ifyousmile